Medicare คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญสำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป?
Medicare คือโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลกลางสหรัฐที่จัดทำขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล เป็นหลักประกันสุขภาพหลักสำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป รวมถึงครอบคลุมผู้ที่อายุน้อยกว่านี้ที่มีความพิการ หรือมีโรคร้ายแรงบางอย่าง เช่น โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (ESRD) หรือโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือที่เรียกว่า โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงเป็นระบบสำคัญที่ช่วยดูแลทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตของชาวอเมริกันในวัยเกษียณ
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัคร Medicare มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และเป็นพลเมืองสหรัฐ (US citizen) หรือผู้พำนักถาวร (Green Card Holder – Permanent resident) อย่างน้อย 5 ปี สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 65 ปี ก็มีสิทธิได้เช่นกัน หากมีความพิการและได้รับสิทธิประโยชน์จาก Social Security อย่างน้อย 24 เดือน หรือเป็นผู้ป่วย ESRD ที่ต้องฟอกไต/ปลูกถ่ายไต หรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS
Medicare แบ่งออกเป็นหลายส่วน ได้แก่
Part A – ประกันโรงพยาบาล
Part A ครอบคลุมการรักษาพยาบาลขณะนอนโรงพยาบาล รวมถึงค่าห้อง ค่าอาหาร และการดูแลรักษาในช่วงที่เข้ารับการรักษา ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
Part B – ประกันค่ารักษาพยาบาลทั่วไป
Part B ครอบคลุมการพบแพทย์ การรักษาผู้ป่วยนอก บริการคลินิก รวมถึงการตรวจแล็บ (Lab test) และการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน โดยการลงทะเบียน Part A และ Part B มักทำผ่านสำนักงาน Social Security
Part C – Medicare Advantage
Part C หรือ Medicare Advantage จัดทำโดยบริษัทเอกชนที่ได้รับอนุมัติจาก CMS รวมความคุ้มครองของ Part A และ Part B เข้าด้วยกัน และมักมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ทันตกรรม การตรวจสายตา ฟิตเนส บริการรถรับส่งไปพบแพทย์ วงเงินสำหรับซื้อสินค้า OTC (Over The Counter) บัตรเงินสดสำหรับอาหารสุขภาพ และความคุ้มครองฉุกเฉินทั่วโลก อีกทั้งหลายแผนยังรวมความคุ้มครองค่ายา (Part D) ไว้ด้วย
Supplement Plan (Medigap)
สำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะการพบแพทย์เฉพาะทางโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว สามารถเลือกทำ Supplement Plan หรือ Medigap ได้ ซึ่งช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนที่ Part A และ Part B ไม่ครอบคลุม เพื่อให้มีการปกป้องทางการเงินและอิสระในการเลือกผู้ให้บริการมากยิ่งขี้น
คำถามที่พบบ่อยคือ Part A ต้องเสียค่าเบี้ยหรือไม่ คำตอบคือ หากคุณหรือคู่สมรสทำงานและจ่ายภาษี Medicare ครบ 40 ไตรมาส (ประมาณ 10 ปี) คุณจะมีสิทธิได้รับ Part A โดยไม่ต้องเสียเบี้ยรายเดือน แต่ถ้าทำงานไม่ครบ ก็ยังสามารถสมัครได้ เพียงแต่ต้องจ่ายค่าเบี้ยเอง โดยค่าเบี้ยจะสูงขึ้นตามจำนวนเครดิตที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม หากคุณมี Medi-Cal และเข้าเกณฑ์ QMB (Qualified Medicare Beneficiary) รัฐบาลอาจช่วยจ่ายค่าเบี้ยทั้ง Part A และ Part B ให้ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละบุคคล
Medicare ไม่มีวันหมดอายุ ยกเว้นแต่คุณจะแจ้งยกเลิก คุณสามารถเปลี่ยนแผน Part C, D, Supplement Plan ได้ปีละครั้งในช่วง Annual Enrollment Period (AEP) ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม – 7 ธันวาคม และหากคุณเข้าเกณฑ์ Special Enrollment Period (SEP) ก็สามารถเปลี่ยนแผนได้ตลอดทั้งปี การปรึกษา Medicare Enrollment Agent จะช่วยให้คุณเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการสมัครให้ตรงเวลาเมื่ออายุครบ 65 ปี เพราะหากสมัครล่าช้าอาจถูกปรับเพิ่มไปตลอดชีวิต เช่น ค่าเบี้ย Part B จะเพิ่มขึ้น 10% ต่อทุกปีที่สมัครล่าช้า สูงสุดถึง 40% ต่อเดือน และค่าปรับนี้จะติดตัวไปตลอด ส่วน Part D หากคุณไม่มีประกันยาที่ครอบคลุมนานเกิน 63 วัน จะถูกคิดค่าปรับเพิ่มเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากคุณยังมีประกันสุขภาพจากที่ทำงานอยู่ คุณสามารถเลือกเริ่ม Part A ได้ก่อน และเลื่อนการสมัคร Part B ไปจนกว่าจะเกษียณ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ
Medicare ไม่ใช่สิทธิธรรมดาที่ท่านควรมี แต่เป็นเกราะป้องกันค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการเงินในระยะยาว การสมัครให้ตรงเวลาและเลือกแผนที่เหมาะสม จะทำให้คุณได้รับทั้งความคุ้มครองและความสบายใจในอนาคต
หลายครั้ง ทีมงานของเราได้รับสายจากผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเรื่อง Medicare แต่ก็สายเกินไปที่จะแก้ไขได้ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ การปรึกษากับเรา ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หากคุณต้องการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของคุณ โทรหาเราได้ทันที