ควรเก็บเงินเพื่อการเกษียณเท่าไร? 

คำตอบสำหรับคำถามนี้แตกต่างกันในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับรายได้ปัจจุบัน รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่คุณต้องการรักษาไว้หลังเกษียณ 

การเข้าใจว่าควรออมเงินเท่าไรเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการไปให้ถึงเป้าหมายการเกษียณของคุณ โดยทั่วไปมีคำแนะนำให้ ออมเงินประมาณ 15% ของรายได้ต่อปี ซึ่งรวมถึงเงินสะสมในบัญชีเพื่อการเกษียณ เช่น 401(k), IRA และการลงทุนอื่น ๆ ที่คุณใช้สร้างเงินออมระยะยาว 

เริ่มต้นเร็ว มีชัยไปกว่าครึ่ง: พลังของเวลา 

ในสถานการณ์ที่ดีที่สุด การเริ่มออมตั้งแต่อายุ 20 จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จาก ดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) ได้อย่างเต็มที่  ตัวอย่างเช่น หากคุณออมเงิน $5,000 ต่อปี ตั้งแต่อายุ 25 และได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี คุณอาจมีเงินเกิน $1 ล้านเมื่อถึงวัยเกษียณ 

ความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ

การออม 15% ควรทำเป็นนิสัยตลอดชีวิตการทำงาน และเมื่อรายได้เพิ่มขึ้นก็ควรเพิ่มการออมไปด้วย  หลายบริษัทมีระบบเพิ่มเงินออมอัตโนมัติเมื่อคุณได้รับการปรับเงินเดือน หรือคุณอาจเลือกจัดสรรส่วนหนึ่งของโบนัสเข้ากองทุนเกษียณด้วยเช่นกัน 

กระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง

ควรลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง 

ใช้ประโยชน์จากสวัสดิการของนายจ้าง

หากนายจ้างของคุณมีแผนเกษียณ เช่น 401(k) พร้อมการสมทบ (matching contributions) อย่าลืมออมให้ถึงระดับที่ได้รับการสมทบสูงสุด เพราะเท่ากับได้รับเงิน “ฟรี” ที่ช่วยเพิ่มเงินเกษียณของคุณโดยตรง 

ใช้บัญชีที่มีข้อได้เปรียบทางภาษี

เช่น Traditional IRA (ออมแบบเลื่อนภาษี) และ Roth IRA (ถอนเงินปลอดภาษีเมื่อเกษียณ) สำหรับผู้ที่เริ่มออมช้าหลังอายุ 50 ปี ยังสามารถใช้สิทธิ catch-up contributions เพื่อเพิ่มเงินออมเกินขีดจำกัดมาตรฐานได้ 

วางแผนรับมือกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ

ควรพิจารณาทำ ประกันการดูแลระยะยาว (LTC) และศึกษาสิทธิประโยชน์จาก Medicare  หากคุณมีแผนประกันสุขภาพแบบหักลดหย่อนสูง (High-Deductible Health Plan – HDHP) การเปิด Health Savings Account (HSA) อาจช่วยออมเงินเพื่อค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ปรับให้เหมาะกับเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ของคุณ

แม้ 15% จะเป็นแนวทางพื้นฐานที่ดี แต่คุณอาจต้องออมมากหรือน้อยกว่านั้น เช่น หากต้องการเกษียณก่อนวัย หรือมีรายได้จากทรัพย์สินอื่น เช่น ค่าเช่า หรือเงินจากประกันสังคม/บำนาญ 

ประเมินความต้องการเกษียณอย่างรอบคอบ

พิจารณาค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อายุขัยที่คาดหวัง และไลฟ์สไตล์ในวัยเกษียณ เช่น หากคุณวางแผนเดินทางบ่อยหลังเกษียณ คุณอาจต้องเตรียมเงินมากกว่าผู้ที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย 

สร้างกลยุทธ์ถอนเงิน

เมื่อใกล้ถึงวัยเกษียณ ควรวางแผนการถอนเงิน เช่น ใช้ กฎ 4% ซึ่งหมายถึงการถอนปีละ 4% ของเงินออม เช่น หากต้องการใช้ $80,000 ต่อปี คุณควรมีเงินออมประมาณ $2 ล้าน 

 อย่างไรก็ตาม กฎนี้อิงจากสมมุติฐานว่าคุณเกษียณประมาณ 30 ปี และอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5% หลังหักภาษีและเงินเฟ้อ ควรปรับตามสถานการณ์จริงของคุณด้วย 

ทบทวนแผนเกษียณเป็นประจำ

ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับแผนตามการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การแต่งงาน มีบุตร หรือเปลี่ยนงาน  การประเมินแผนทุกปีจะช่วยให้คุณยังคงอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง 

หมั่นเรียนรู้เรื่องการเงินและการลงทุน

เข้าร่วมกิจกรรมเชิงปฎิบัติ อ่านหนังสือ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและมีข้อมูลครบถ้วน 

การออม 15% ของรายได้ต่อปีเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเมื่อคุณปรับตามสถานการณ์เฉพาะของคุณอย่างยืดหยุ่น  คุณจะสามารถสร้างแผนเกษียณที่มั่นคง ปลอดภัย และพร้อมรองรับอนาคตทางการเงินได้อย่างมั่นใจ 

คำเตือนและข้อจำกัดความรับผิดชอบ
ข้อมูลที่นำเสนอมีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำเฉพาะบุคคล การอภิปรายและคำตอบไม่ได้เป็นการให้คำปรึกษาการลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง  ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี กฎหมาย หรือการเงิน ก่อนดำเนินการกลยุทธ์ใด ๆ